อาจารย์กานต์ ลี่วัฒนายิ่งยง (Kan Leewathanayingyong)
คลิปวีดิโอที่ 1
N : สวัสดีครับผม นายสายสัมพันธ์ .... วันนี้รับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการครับ เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับการวิเคราะห์และจัดทำห่วงโซ่อุปทานของทรัพสินทางวัฒนธรรมเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์......ครับซึ่งตอนนี้ผมได้อยู่กับอาจารย์กานต์ ลี่วัฒนายิ่งยงเจ้าของโครงการครับ อาจารย์ครับผมอยากทราบที่มาและความสัมคัญของโครงการที่อาจารย์ได้รับผิดชอบอยู่ตอนนี้ครับ
A : สวัสดี ก่อนที่จะพูดถึงโครงการก็ขอเล่าที่มาและความเป็นไปของโครงการก่อน ถ้าเราดูสภาพปัจจุบันจะเห็นว่า อย่างเช่น ประเทศเกาหลีใต้ตอนนี้เขาตีตลาดด้วย วง boy band หรือ 2PM เป็นต้น และก็นอกจากนั้นถ้าเราจำได้เมื่อ 2 – 3 ปีที่ผ่านมาภาพยนต์เรื่อง แดจังกึม อันนี้ซึ่งตีตลาดไปทั่วโลก ซึ่งแดจังกึม ให้อะไรกับคนเกาหลีใต้ แดจังกึมจะสอดแทรกวัฒนธรรมเรื่องความเป็นอยู่ หาอาหาร การแต่งกายต่าง ตามวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วโลก สามารถตีตลาดได้ทั่วโลก เพราะฉนั้นประเทศญี่ปุ่นก็คลายๆ กับเกาหลีใต้ เอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นถ้าพูดึง ดอกซากุระ เราจะนึกนึกประเทศญี่ปุ่นทันที เขาพบจุดตรงนี้ คือเอาดอกซากุระเป็นจุดขาย เพระฉนั้นผลิตภัณฑ์ที่เขาคิดก็คือเขาทำสบู่ สบู่ 1 ก้อนซึ่งสบู่ตัวนี้เมื่อแกะเข้าไปแล้วไปใส่อ่างอาบน้ำมันจะแปลเป็นดอกซะกุระลอยเต็มอ่างอาบน้ำ ซึ่งอันนี้ก็เป็นจุดขายและได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะฉนั้นเรามาดูที่ประเทศไทย ประเทศไทยมีสินทรัพธ์และวัฒนธรรมมากมาย แต่ถามว่าทำไมไม่ตีตลาดไปทั่วโลกได้นั้นคือเราขาดความหลากหลายทั้งในรูปของผลิตภัณฑ์ทั้งในด้านที่เป็นหีบห่อบรรจุอะไรต่างๆ เพราะฉนั้นเราจะมาดูกันว่าถ้าเราจะทำแบบเกาหลีใต้หรือว่าญี่ปุ่นเราจะทำกับสินทรัพธ์หรือว่าสินค้าตัวไหนอันนี้คือหน้าที่ของเรา ผู้จัดทำโครงการ ทีนี้ในการเริ่มทำโครงการ เราก็ต้องไปคัดเลือกสินทรัพธ์และวัฒนธรรมทั้งหมดเพื่อมาดูว่าตัวไหนที่เราจะนำไปทำ
N : ต่อไปอาจารย์มีแนวทางหรือวิธีการในการดำเนินโครงการนี้อย่างไรครับ
A : ก็จะต่อว่า จากโจทย์เมื่อสักครู่นี้ก็คือว่าประเทศไทยจะเอาอะไรมาทำการตีตลาดเพราะฉนั้นเราก็มาคัดเลือกในการคัดเลือกเนื่องจากเราแบ่งเป็นภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ในส่วนโครงการของอาจารย์จะรับผิดชอบในส่วนของภาคเหนือเพราะฉนั้นหน้าที่แรกเราก็จะไปดูในภาคเหนือของเรามีอะไรดีบ้าง เราก็ไปค้น ส่งทีมลงไป เช่นว่าเชียงใหม่มีอะไรดี พิษณุโลก นครสวรรค์มีอะไรดีบ้างซึ่งจากการเก็บข้อมูลเราจะพบว่าของดีในภาคเหนือจะมีถึง 278 ที่ หรือ 278 ชิ้น ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเผยแพร่ทั้ง 278 ชิ้น เราก็ต้องคัดเลือกที่มันดีที่สุด ถามว่าคัดเลือกยังไง จาก 278 ชิ้นทั่วภาคเหนือเราก็ต้องมาทำการคัดเลือกเพื่อให้เหลือชิ้นที่เด่นจริง จาก 278 ในขั้นนี้เราจะคัดให้เหลือ 50 ชิ้น 50 ชิ้นนี้เรามีวิธีการคัดเลือกอย่างไร 50 ชิ้นนี้ เราได้รับความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยศิลปกรมาทำการออกแบบเกณฑ์การประเมิณจากนั้นเราใช้หลักของ asp.... มาเป็นเกณฑ์การคัดเลือกอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะเปลี่ยนข้อมูลเชิงคุณภาพให้เป็นข้อมูลเชิงตัวเลข เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินทรัพให้เหลือเพียงแค่ 50 ชิ้น ซึ่งในขั้นตอนนี้เราจะได้สินทรัพทั้งหมดของขั้นตอนนี้ ทั้งหมด 50 ชิ้นด้วยกัน จากนั้น 50 ชิ้นเราก็ทำการคัดเลือกอีก ให้เหลือ 20 ชิ้น ขั้นตอนนี้เราจะทำยังไงซึ่งเราจะทำหนังสือเชิญผู้เชี่ยวชาญทางภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผ้าไทย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะทางด้านล้านนาทั้งหมดประมาณ 30 ท่านเพื่อที่จะมาคัดเลือก คัดเลือกจาก 50 ให้เหลือ 20 ตอนนี้เราเหลือสินทรัพย์อยู่ 20 ชิ้น 20 ชิ้นเราเอาไปทำอะไร การที่เราการที่เราจะส่งสินทรัพย์ตัวนี้ออกไปสู่ตลาดโลกได้ เราต้องมีการออกแบบที่ดี เพราะฉนั้นการออกแบบที่ดี นักเกิดจากนักออกแบบเพราะฉนั้นขั้นตอนนี้เราไปที่กรุงเทพมหานครเราเชิญนักออกแบบระดับประเทศเพื่อมา....หรือระดมความคิดร่วมกันว่า 20 ชิ้น นี้มีตัวไหนบ้างที่สามารถออกแบบแล้วตรงใจกับตลาด เพราะฉนั้น 20 สินทรัพย์นักออกแบบของแระเทศไทยลงความเห็นว่ามี 5 ชิ้นที่เราสามารถผลักดันให้เกิดการออกแบบที่ดีและตีตลาดได้ 5 ตัวก็คือ หม้อห้อม ชามสังคโลก ผ้าทอตีนจก ..... เครื่องเคลือบเวียงกาหลง ซึ่งในโครงการนี้เราเจาะไปที่เครื่องเคลือบเวียงกาหลง เครื่องเคลือบเวียงกาหลงจะอยู่ที่จังหวัดเชียงรายจุดเด่นของเครื่องเคลือบนี้จะมีลักษณะที่เบามากและจุดเด่นอีกอย่างก็คือลายที่ปราณีตและสวยงามแต่จะราคาที่ค่อนข้างแพง ตอนนี้เราจะรู้แล้วว่าสิ่งที่เราจะทำคือ เครื่องเคลือบเวียงกาหลง เพราะฉนั้นเราก็มาวางแผนการดำเนินงานว่าเราจะทำอะไรบ้าง การดำเนินงานในขั้นแรกเราต้องไปเก็บข้อมูล ก็ต้องไปถึงจังหวัดเชียงรายที่ อำเภอเวียงปาเป่า ไปเก็บกระบวนการผลิตว่าเขาใช้วัตถุดิบไรและการผลิตอย่างไรจนได้เครื่องปั้นดินเผาเครื่องเคลือบเวียงกาหลงมา จากนั้นเอาข้อมูลตรงนี้มาสร้างเป็นห่วงโว่อุปทาน ห่วงโซ่อุปทานคืออะไร ก็คือ เราจะดูภาพรวมทั้งหมดว่าตั้งแต่จุดที่เริ่มผลิต ผลิตออกมาเป็นเครื่องเคลือบเวียงกาหลง ส่งไปขายยังไงมีตลาดอะไรบ้างอันนี้ตั้งแต่เริ่มผลิตจนถึงลูกค้าก็คือดูห่วงโซ่ของมันจากนั้นเรามาวิเคราะห์ภาพรวมทั้งหมดมาวิเคราะห์หาสภาพแวดล้อมและศักยภาพ โดยจุดนี้เราจะอาศัยความรู้หลายๆทางโดยเฉพาะ......มาวิเคราะห์ดูว่าอะไรเป็นจุดเด่น อะไรเป็นจุดด้อย อะไรเป็นอุปสรรคของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อจะได้ผลักดันถูก อะไรเป็นจุดเด่นเราก็ผลักเสริมเข้าไป อะไรที่เป็นจุดด้อยเราก็พยายามแก้ไข ถ้าแก้ไขไม่ได้เราก็พยายามตัดออก จากนั้นพอเราได้ครบแล้ว เราก็จะรู้แนวทางในการพัฒนาสินทรัพย์ จากนั้นก็ไปติดต่อเชื่อมการออกแบบ พอออกแบบผลิตภัณฑ์เราก็ทำการออกแบบจำลอง จากนั้นเราก็นำไปออกสู่ตลาดและดูว่า ตรงกับความต้องการไหม ตลาดนิยมไหม จากนั้นก็สรุป จากนั้นก็สรุปผลของโครงการ
N : จะมีชุมชนหรือองค์กรในบ้างที่เข้ามามีส่วนรวมโครงการ
A : จะมีกลุ่มของผู้ผลิต คือชุมชนที่เวียงกาหลงตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงปักเป่า จังหวัดเชียงราย อีกกลุ่มหนึ่งคือ สำนักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมหรือ สสว.เป็นผู้ออกทุนให้กับโครงการนี้ร่วมกับคณะวิศกรรมศาสตร์
N : นอกจากการที่มีชุมชนและองค์กรที่เข้ามาเกี่ยวข้อง จะนำการบูรณาการโครงการนี้เข้ากับการเรียนการสอนหรือไม่
A : เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญคือการบูรณาการ คือถ้าเราไม่บูรณาการทำอะไรก็ไม่เกิดประโยชน์ การนำไปบูรณาการประเด็นแรกคือการเก็บข้อมูล ถามว่าการเก็บข้อมูลต้องใช้อะไร นิสิตหรือผู้เข้าเก็บข้อมูลทางด้านสถิติวิศวกรรมต้องมีการซุ่มและกลุ่มตัวอย่าง เช่น เก็บอย่างไร เก็บนี้พอไหม หรือว่าเก็บตรงนี้มาสามารถวิเคราะห์ได้ไหม เก็บมาแล้วข้อมูลใช้ได้ไหม เพราะว่าเราต้องไปเผยแพร่ ข้อมูลที่จะเอาไปเผยแพร่ได้ต้องมีหลัการทางทฤษฏี เพราะฉนั้นตรงนี้ใช้หลักของสถิติวิศวกรรมซึ่งเราก็เรียน นอกจากนั้นยังมีวิชาเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน....
คลิปวีดิโอที่ 2
นอกจากนั้นก็ยังมีการวิเคราะห์สวอต....ซึ่งวิชานี้จะอยู่ในวิชาการจัดการทางวิศวกรรม Engineering management ซึ่งตัวนี้สำคัญ บางที่เด็กเรียน สวอตสงสัยว่าเอาไปทำอะไร ซึ่งมีแต่จุดอ่อน จุดแข็ง อุปสรรค ไม่รู้เอาไปทำอะไร ซึ่งอันนี้เอาไปวิเคราะห์จริง และสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจารย์คิดว่าบูรณาการจากโครงการนี้ก็คือได้สืบทอดและสืบสานความเป็นไทยและก็มรดกไทย จุดนี้ปัจจุบัน โครงการขาด เราบูรณาการ เราพัฒนาสู่เทคโนโลยีแต่จุดที่เราขาดคือความเป็นไทย เพราะฉนั้นจุดนี้นิสิตที่เข้าไปมีส่วนร่วมโครงการ นิสิตจะได้เห็นขั้นตอนกระบวนการ ได้ดูว่าทีมาของมรดกหรือว่าสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมกว่าจะได้มาเขาปราณีต ละเอียดอ่อน กว่าจะได้มา จะทำให้นิสิตคิดว่าควร ปราณีต ถนุถนอม เมื่อเกิดความถนุถนอมก็อยากจะสืบทอด ณ ตรงนี้จะช่วยให้เรารู้สึกว่าประเพณีหรือวัฒนธรรมไทยของเรายังมีอยู่ต่อไป
N: สรุปโครงการนี้โดยภาพรวม จาการดำเนินโครงการนี้
A : สรุปโครงการนี้ก็คือว่า โครงการนี้ให้อะไร แน่นอนว่าโครงการนี้เราได้ประยุคใช้ความรู้ในส่วนต่างๆ เราได้ตอบโจทย์ว่า ทำไมสินค้าไทยไม่ได้เผยแพร่ไปทั่วโลกเราก็รู้ปัญหาและที่มา ที่สำคัญโครงการนี้ตอบโจทย์อยู่ 4 กลุ่ม
กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้ผลิตคือกลุ่มของเวียงกาหลงเราสามารถเข้าไปดูเข้าไปศึกษาการทำงานจริง เราจะได้รู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไรและความต้องการของเขาคืออะไร
กลุ่มที่สองก็คือกลุ่มนักออกแบบเราก้ไปตอบโจทย์เขาว่า ทำไมนักออกแบบเก่งๆทั้งนั้นเลย แต่ทำไมไม่ตอบสนองต่อสินค้าหรือสินทรัพย์ที่เรามีอยู่ ถ้าเราเชื่อมโยงระหว่างสองกลุ่มนี้ได้ ระหว่างหลุ่มที่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นของประเทศไทยนอกจากจะเวียงกาหลงก็อย่างเช่น หม้อห้อมผ้าหม้อห้อมก็มีชื่อเสียง ถามว่าทำไมไม่ไปทั่วโลกก็คือขาดการออกแบบที่ดี คือบางทีที่เราออกแบบ แต่เราไม่ไปดูวัตถุดิบหรือที่มา การออกแบบบางทีก็ออกแบบไม่ได้ แต่ถ้าเราได้ศึกษาจริงๆ และเอาข้อมูลเหล่านี้ไปให้นักออกแบบมันก็ช่วยให้ออกแบบได้ถูกต้องและสามารถออกแบบได้จริง
กลุ่มที่สามก็คือกลุ่มของผู้บริโภค คือสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ปกติเรานึกถึงผ้าหม้อห้อม หรือเครื่องเคลือบปั้นดินเผาเวียงกาหลง เราจะนึกถึงแค่เสื้อ สีคราม ถ้าเหวังหาหลงก็นึกถึงเครื่องปั้น จานแต่ถ้าเราสามารถทำให้มีความหลากหลายขึ้นเราก็จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มนิสิตหรือกลุ่มผู้จัดทำโครงการ สามารถนำเอาทฤษฎีที่เราเรียนมาไปประยุคใช้กับงานจริง เมื่อประยุคใช้กับงานจริงก็จะเปิดประโยชน์กับประเทศชาติกับสังคมไทย
ที่มา : -
ข่าวเมื่อ : 25 May 12 / 15:39
โดย : -